UFABETWIN ราวกลางปี 2003 ชาวจีนทั้งประเทศต้องตกตะลึงจนเป็นกระแสระดับชาติกับโฆษณาลูกอมตัวหนึ่งทางโทรทัศน์
ที่ปรากฏภาพชายร่างท้วมสวมเสื้อสีเหลืองกำลังโชว์สเตปฟุตบอลสั้น ๆ เพราะชายในโฆษณาชิ้นนั้นคือนักฟุตบอลที่ดังที่สุดในยุคนามว่า โรนัลโด้ นาซาริโอ หากพูดถึงเขาแล้วกองหลังทั่วยุโรปโดยเฉพาะ ลา ลีกา และ เซเรีย อา ต่างก็เผชิญชะตากรรมแทบจะเหมือนหมดกัน นั่นก็คือการถูก โรนัลโด้ กองหน้าหุ่นตุ้ยนุ้ยชาวบราซิล เผาเครื่องหลอกจนหั่วปั่นหลอกแล้วหลอกอีกจนเสียเชิงกันมานักต่อนัก
แต่ใครจะไปเชื่อว่า โรนัลโด้ ที่หลอกกองหลังมาแทบทั้งชีวิตจะถูกเศรษฐีนีคนหนึ่งหลอกด้วยกลอุบายง่าย ๆ จนแทบจะช้ำใจ ชนิดที่แข้งเจ้าของบัลลงดอร์ 2 สมัย แค่นอนหลับตานึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นก็ทำเอานอนไม่หลับทั้งคืน ถึงผลที่ตามมาอาจดูไม่ร้ายแรงนัก แต่สิ่งที่โรนัลโด้ถูกกระทำในคราวนั้นมันไม่ต่างกับการทำให้เขาเป็นตัวตลกในสายตาชาวจีนทั้งประเทศ แถมสิ่งที่เขาได้กลับคืนมาก็แทบจะสูญเปล่า
มันเกิดอะไรขึ้นกับหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดที่โลกเคยมีมา แล้วใครกันที่เคยหลอกโรนัลโด้ซะจนหัวทิ่มบ่อ ขอพาทุกคนไปพบกับเรื่องราวในอดีตที่กำลังจะจางหายไปจากโลกของฟุตบอล คนดังมาเยือน หากพูดถึงฟุตบอลในช่วงยุคมิลเลนเนียม คงไม่มีทีมไหนมาเทียบเคียงได้กับ เรอัล มาดริด ได้อีกแล้ว ด้วยขุมกำลังชุดที่ถูกกล่าวขานว่า “กาลาคติกอส” พ่วงด้วยแข้งระดับซูเปอร์สตาร์มากมายก็ทำให้แฟนบอลทั่วทั้งโลกอยากได้ยินได้ยลโฉมพวกเขาตัวเป็น ๆ สักครั้งหนึ่งในชีวิต
จนกระทั่งการเตรียมทีมพรีซีซั่นในปี 2003 มาถึง เรอัล มาดริด ในยุคของกุนซือ คาร์ลอส เคยรอซ ก็ออกตระเวนอุ่นเครื่องโดยปีนั้นพวกเขาเลือกมายังทวีปเอเชีย ประกอบไปด้วย จีน, ญี่ปุ่น ฮ่องกง และ ไทย เพื่อเป็นการสร้างฐานแฟนบอลให้ได้ทั่วโลก และโปรแกรมนัดแรกของพวกเขาก็คือการพบกับทีมรวมดาราลีกจีน ในวันที่ 2 สิงหาคม 2003
แน่นอนว่าเกมนัดดังกล่าวมีผู้ชมชาวจีนแห่กันเข้ามาดูในสนามเวิร์กเกอร์ สเตเดียม กรุงปักกิ่ง มากกว่า 5 หมื่นคน เพื่อมาสัมผัสนักเตะชื่อดังด้วยตาทั้ง โรนัลโด้, ซีดาน, ราอูล และ เบ็คแฮม เป็นต้น ซึ่งผลการแข่งขันก็เป็นไปตามคาดเมื่อ เรอัล มาดริด เป็นฝ่ายชนะไป 4-0
แต่ใครจะไปรู้ว่า 1 วันก่อนหน้าที่พวกเขาลงสนาม (1 สิงหาคม 2003) ขณะที่นักเตะมาดริดคนอื่น ๆ เดินทางไปเยี่ยมชมพระราชวังกู้กง โรนัลโด้ปลีกตัวไปตามคำเชิญเพื่อพบกับเถ้าแก่เนี้ยชาวจีนคนหนึ่งนามว่า เจียง เพ่ยเจิน ผู้ที่ติดต่อเขามาร่วมวงกินข้าวที่ภัตตาคารเป็นการส่วนตัว ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่านั่นเป็นการเดินเข้าไปสู่กับดักเต็ม ๆ
สูตรต้นตำหรับ เมื่อคุณเป็นหนึ่งในนักเตะชุด “กาลาคติกอส” ของ เรอัล มาดริด แล้วนั้น ไม่ว่าคุณจะหยิบจับอะไรก็ล้วนเป็นเงินเป็นทองมหาศาลไปเสียหมด โดยเฉพาะแข้งอย่างโรนัลโด้ที่บอกได้เลยว่าศูนย์หน้ารายนี้ต้องมีค่าตัวหลักล้านอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ทว่าคุณนาย เพ่ยเจิน เศรษฐีหญิงที่ชวนโรนัลโด้มากินข้าวด้วยนั้นกลับมีกลยุทธ์ที่เหนือชั้นกว่าในการเรียกตัวโรนัลโด้มาทำงานให้แบบไม่ยากเย็น
คำถามคือ เจียง เพ่ยเจิน เป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงเรียกตัว โรนัลโด้ มาพบปะเป็นการส่วนตัวได้ เราขอบอกก่อนเลยว่าผู้หญิงคนนี้แม้จะประกอบธุรกิจเป็นเจ้าของโรงงานลูกอมก็จริง แต่ประวัติของเธอนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่คิด
สำหรับ เจียง เพ่ยเจิน เธอเกิดที่เมืองผิงหนาน มณฑลกว่างซี เมื่อปี 1946 โดยเธอเป็นลูกคนที่ 2 จากทั้งหมด 6 คน
อย่างไรก็ตามหลังจากแม่เสียชีวิตตอนอายุ 13 ปี เธอก็ต้องออกหางานทำเพื่อแบ่งเบาภาระของพ่อ ซึ่งในปีเดียวกันนั้นเองเธอได้ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนเพื่อหางานทำอย่างจริงจัง โดยงานแรกของเธอคือเป็นพนักงานห่อลูกอมในโรงงานที่เมืองหลิ่วโจว มณฑลกว่างซี
ด้วยความขยันและใฝ่รู้ของเธอประกอบกับเป็นคนที่เรียนรู้ได้รวดเร็วก็ทำให้เพ่ยเจินก้าวขึ้นมาเป็นรองผู้อำนวยการโรงงานตั้งแต่อายุ 18 ปี แต่ความพยายามของเธอยังไม่หมดเท่านี้ เพราะเพียงแค่อายุ 33 ปีเธอก็ขึ้นมาบริหารโรงงานนี้อย่างเต็มตัวด้วยตำแหน่งผู้อำนวยการโรงงาน และทันทีที่เธอขึ้นมาเป็นนายคน อย่างแรกเธอได้ปฏิวัติพนักงานโดยเน้นการแจกเงินโบนัสเพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงาน
ไฟของหัวหน้างานรุ่นใหม่รายนี้ยังคงเปี่ยมไปด้วยพลัง เพราะหลังจากนั้นเพ่ยเจินเดินทางไปยัง ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน และ ญี่ปุ่น เพื่อเรียนรู้อุตสาหกรรมการผลิตลูกอมชนิดต่าง ๆ ซึ่งการไปครั้งนี้ก็ไม่เสียเปล่า เพราะเธอได้ขยายโรงงานผลิตแยมและลูกอมช็อกโกแลตถั่วลิสง ที่สำคัญคือเธอสามารถผลิตลูกอมสอดไส้ได้เป็นเจ้าแรกในประเทศจีน ช่วงราว ๆ ปี 1990
แม้ว่าโรงงานของเธอจะก้าวขึ้นมาเป็นโรงงานผลิตลูกอมเป็นหัวแถวของประเทศ แต่เมื่อต้นทุนการผลิตสูงขึ้น บวกกับมีของเลียนแบบออกมาวางจำหน่าย ยอดขายจึงตกลงฮวบฮาบจนแทบจะปิดกิจการเพราะของปลอมระบาด ดังนั้นเพ่ยเจินจึงงัดไม้ตายออกมาจัดการซะ ปี 1993 เพ่ยเจินแก้เกมด้วยการพกเงินติดตัวไป 70,000 หยวน (ประมาณ 370,000 บาท) ไปที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เพื่อตามหาสูตรลูกอมฉบับใหม่ ยิ่งกว่าใครจะตามทัน
เมื่อเริ่มวางขายในปี 1994 ปรากฏว่าลูกอม “กว่างซี จินส่างจึ” ขายดีเทน้ำเทท่า
และแล้วโชคชะตาก็พาเธอมาพบกับ ศาสตราจารย์หวัง เหยาฟา จากมหาวิทยาลัยครูจีนตะวันออก (หัวตง) ซึ่งในขณะนั้น ศาสตราจารย์หวังกำลังพัฒนาสูตรลูกอมสำหรับรักษาโรคคอหอยอักเสบเรื้อรังอยู่พอดิบพอดี
หลังจากพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ศาสตราจารย์หวังประทับใจในคารมคมคายของเธอ บวกกับชื่นชมทัศนคติของเพ่ยเจิน ทำให้เขามอบสูตรนี้ให้กับเธอโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย รวมถึงยังสอนให้เรียนรู้สูตรผสมลูกอมของทั้งสองไว้ในเม็ดเดียวกัน และแล้วลูกอมดังกล่าวก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 1994 ในแบรนด์ “กว่างซี จินส่างจึ” พร้อมกับตั้งโรงงานของลูกอมสูตรนี้โดยเฉพาะ
เพื่อเป็นการตอบแทน เพ่ยเจินจึงได้พิมพ์รูปศาสตราจารย์หวังลงบนกล่องบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นการให้เครดิตทางอ้อม อย่างไรก็ตามเนื่องจากเธอเลือกพิมพ์รูปศาสตราจารย์หวังออกมาเป็นสีขาว-ดำ ทำให้ผู้บริโภคส่วนมากคิดว่าเป็นบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้ว จนศาสตราจารย์หวังต้องออกมาเผยความจริงในเวลาต่อมา
และทำกำไรได้ถึง 60 ล้านหยวน (ประมาณ 314 ล้านบาท) ในปีแรก จากนั้นในปี 1995 เพ่ยเจินก็ควักเงิน 5 ล้านหยวน (ประมาณ 26.5 ล้านบาท) เพื่อโฆษณาทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน ทำให้มันกลายเป็นสินค้ายอดนิยมไปชั่วพริบตา จนในปี 1996 ก็สามารถทำรายได้ทะลุหลัก 100 ล้านหยวนไปแบบขาดลอย
ยิ่งกว่าสับขาหลอก เมื่อเธอกลายเป็นคนดังระดับประเทศ เพ่ยเจินจึงกระโดดเข้าสู่สังคมใหม่ ด้วยการเปิดอคาเดมีฟุตบอล “กว่างซี จินส่างจึ” ราว ๆ ปี 2000 เพื่อต้อนรับกระแสฟุตบอลโลก 2002 ที่กำลังจะมาถึง และเมื่อปี 2003 ที่ทัพนักเตะ เรอัล มาดริด มาเยือนถิ่นแดนมังกรแบบนี้ มีหรือที่คนรักฟุตบอลอย่างคุณนายเจียงจะอยู่เฉย ๆ