ก่อนที่นักกีฬาแต่ละคนจะเดินทางมาถึงเวทีระดับโอลิมปิกได้ พวกเขาต้องทุ่มเทแรงกาย เวลา และความพยายามอันมหาศาล เพื่อฝึกซ้อมจนพร้อมลงแข่งขันได้อย่างเพียบพร้อมที่สุดในชีวิต

แต่เพราะไม่มีสิ่งใดที่แน่นอนในชีวิต แม้กระทั่งสิ่งที่เราคิดว่ามันแน่นอนที่สุดก็สามารถพลิกผันขึ้นมาในช่วงเวลาเสี้ยววินาที จนเปลี่ยนสถานการณ์จากหน้ามือเป็นหลังมือได้เลย ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ สเวน คราเมอร์ นักสปีดสเก็ตติ้งชาวดัตช์ ได้เรียนรู้อย่างเจ็บปวดยิ่ง

เกิดอะไรขึ้นในการแข่งขันดังกล่าว? แล้วทำไมความเชื่อใจถึงทำให้คนหนึ่งคนต้องถูกปรับแพ้ฟาวล์จากการคว้าเหรียญทองไปได้?

เร็วสุดชนะ

“เร็วกว่า สูงกว่า แกร่งกว่า” ภาษิตประจำการแข่งขันโอลิมปิกที่ครอบคลุมทุกชนิดกีฬาของตน ไม่ว่าจะเป็นในประเภทฤดูร้อนหรือฤดูหนาว ที่ผู้ชนะทุกคนจำต้องผ่านเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่งจากภาษิตข้างต้นเสียก่อน

กีฬา สปีดสเก็ตติ้ง ก็เช่นกัน จากชื่อก็ชัดเจนแล้วว่าคุณต้องสเก็ตให้เร็วที่สุด ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากนัก แต่ในรายการแข่งระยะทางไกล เช่น 5,000 เมตร กับ 10,000 เมตร จะมีการเปลี่ยนเลนในแต่ละรอบระหว่างที่นักกีฬากำลังวิ่งวนอยู่ในสนามเพิ่มเข้ามาเท่านั้น

สมมติคุณออกสตาร์ทในเลนนอก เมื่อวิ่งครบรอบนึงซึ่งเป็นระยะทาง 400 เมตร จะต้องเปลี่ยนเข้าไปวิ่งเลนในแทน สลับไปมาแบบนี้จนกระทั่งครบสมบูรณ์ตามระยะแข่งขัน ซึ่งแน่นอนว่ากฎเกณฑ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่คุ้นเคยดีสำหรับ สเวน คราเมอร์ นักสปีดสเก็ตติ้งชาวเนเธอร์แลนด์ผู้เลื่องชื่อ

เขาเกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน ปี 1986 ในครอบครัวที่มีคุณพ่อเป็นนักสปีดสเก็ตติ้งอาชีพ อดีตเจ้าของเหรียญเงินรายการชิงแชมป์ยุโรป พร้อมกับมีพี่ชายที่เติบโตขึ้นมาในวงการนี้เช่นกัน

แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันกับสองคนข้างต้น คือ สเวน ฉายแววมาตั้งแต่เด็ก เจ้าตัวคว้าแชมป์ประจำประเทศในปี 2004 ในขณะที่มีอายุเพียง 18 ปี พร้อมกับทำลายสถิติโลกในรายการ 5,000 เมตร ด้วยวัย 19 ปีเท่านั้น จนทำให้ คราเมอร์ กระโดดขึ้นมาแข่งขันรายการระดับโปร เพียงแค่หนึ่งปีหลังจากทำลายสถิติโลกได้สำเร็จ และติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์ไปร่วมแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2006 ที่เมืองตูรินในทันที

แม้จะไปไม่ถึงเหรียญทอง แต่การคว้า 1 เหรียญเงินในประเภท 5,000 เมตร กับเหรียญทองแดงจากการแข่งแบบทีม ก็กลายเป็นแรงขับเคลื่อนและเป็นสัญญาณบ่งชี้สำคัญถึงศักยภาพของวัยรุ่นดัตช์รายนี้ ที่จะก้าวขึ้นไปสู่ความยิ่งใหญ่ในอนาคต

ความหวังของชาติ

 

UFABETWIN

 

ในตลอดประวัติศาสตร์การแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว เนเธอร์แลนด์ คว้าเหรียญรางวัลมาได้ทั้งสิ้น 137 เหรียญ (นับจนถึงวันที่เขียนบทความ) ซึ่งประกอบด้วยเหรียญจากรายการสปีดสเก็ตติ้งมากถึง 133 เหรียญรางวัลด้วยกัน

ดินแดนดัตช์แทบไม่เคยสิ้นนักสปีดสเก็ตติ้งฝีมือดี แต่ไม่มีใครเทียบเคียงผลงานของ คราเมอร์ กับ ไอรีน วูสต์ ผู้เปรียบดั่งราชากับราชินีแห่งการแข่งขันที่เติบโตขึ้นมาในรุ่นราวคราวเดียวกันคู่นี้ได้เลย แถมยังขึ้นไปครองความยิ่งใหญ่ในฐานะผู้คว้าเหรียญรางวัลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ เนเธอร์แลนด์ ได้อีกด้วย

แต่ก่อนจะมาถึงยุคปัจจุบัน เราจะกลับไปที่เรื่องราวของ คราเมอร์ อีกรอบเสียก่อน เพราะหลังจากความผิดหวังที่ตูริน เจ้าตัวก็ไปกวาดเหรียญทองในรายการชิงแชมป์โลกมาทุกปี และเก็บทั้งระยะทาง 5,000 เมตร, 10,000 เมตร และประเภททีมมาครองได้ จนกลายเป็นตัวเต็งคว้าเหรียญทองในโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2010 ที่แวนคูเวอร์ อย่างไม่ต้องสงสัย

คราเมอร์ เก็บเหรียญทองรายการ 5,000 เมตรมาครองได้สำเร็จ ก่อนมาลงแข่งในรายการ 10,000 เมตรต่อ ซึ่งเมื่อเข้าเส้นชัยแล้ว เจ้าตัวทำเวลาได้ 12:54.50 นาที ทุบสถิติโอลิมปิก และควรคว้าเหรียญทองที่สองของตนเองมาครองได้อย่างไม่ยากเย็น

แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้ฉลองอะไร แถมเสียงเชียร์ทั้งสนามกลับเงียบกริบ ในขณะที่กล้องถ่ายทอดสดตัดภาพไปยัง ลี ซึง-ฮุน นักแข่งจากเกาหลีใต้ ผู้กำลังเดินไปกอดกับโค้ชอย่างเริงร่า ทั้งที่ตนเองทำเวลาเข้ามาเป็นอันดับสองเท่านั้น

ซึ่งเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า คราเมอร์ ถูกปรับแพ้ จากการไม่ยอมเปลี่ยนเลนระหว่างแข่งขัน

เจ็บช้ำเพราะความไว้ใจ

ในการแข่งขันสปีดสเก็ตติ้ง นักกีฬาจะมีโค้ชยืนอยู่ข้างสนาม เพื่อคอยกระตุ้น และบอกว่าจะต้องวิ่งเข้าไปในเลนไหน ซึ่งในกรณีของ คราเมอร์ เขามี เจราร์ด เคมเคอร์ส อดีตเจ้าของเหรียญทองแดงโอลิมปิกฤดูหนาวปี 1988 มาดูแลให้ตั้งแต่เจ้าตัวเริ่มเดบิวต์เข้าสู่การแข่งขันโอลิมปิก

นักกีฬากับโค้ช ย่อมมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันจากการร่วมงานกันตั้งแต่ช่วงฝึกซ้อม จนเกิดเป็นความไว้ใจ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่แปลกแต่อย่างใด

สำหรับรายการ 10,000 เมตรนั้น นักกีฬาจะต้องวิ่งทั้งสิ้น 25 รอบสนาม แบบสลับเลนไปมาจนจบการแข่งขัน ซึ่งทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างราบรื่น คราเมอร์ ออกนำคู่แข่งชาวรัสเซีย ไปได้อย่างสบายๆ และดูเหมือนเจ้าตัวจะอยู่ในเพซที่ดีพอจะคว้าเหรียญทองมาได้แบบไม่ยากเย็นนัก

ทว่าในรอบที่ 17 ของการแข่งขัน เคมเคอร์ส ผู้ยืนอยู่ข้างสนาม สั่งให้นักแข่งของเขาวิ่งเข้าไปในเลนใน ทั้งที่นั่นคือเลนที่เจ้าตัวเพิ่งวิ่งออกมา ซึ่งตามหลักแล้ว คราเมอร์ ควรสลับออกไปเลนนอกแทน

 

UFABETWIN

 

แม้สัญชาตญาณของเจ้าตัวจะเชื่อว่าเขาควรไปที่เลนนอก แต่ในเมื่อโค้ชสั่งมาแบบนี้ คราเมอร์ จึงเลือกวิ่งต่อเข้าเลนใน แบบดึงขาขวาข้ามฝั่งมาในวินาทีสุดท้าย

เคมเคอร์ส ทราบแล้วว่าเจ้าตัวได้ทำผิดมหันต์ แต่มันก็สายเกินกว่าจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขข้อผิดพลาดอะไรได้ และแม้สีหน้ากับอาการความผิดหวังจะแสดงออกมาอย่างชัดเจน แต่เขาก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองต่อไป ด้วยการกระตุ้นและนำทางให้นักกีฬาของตนไปจนถึงวินาทีที่เข้าเส้นชัย ก่อนจะต้องออกไปยอมรับกับ คราเมอร์ ว่าเขานี่แหละคือคนที่ทำพลาด

“นี่คือช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในอาชีพของผม” เคมเคอร์ส เปิดเผยถึงช่วงเวลาที่เจ้าตัวบอกทางผิด ซึ่งเขาเองก็เคยลื่นล้มระหว่างแข่งโอลิมปิกฤดูหนาว ในระยะทาง 10,000 เมตร จนชวดการคว้าเหรียญรางวัลมาแล้ว

เมื่อทราบผลเช่นนั้น คราเมอร์ ก็แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะหากเจ้าตัวคว้าเหรียญทองรายการนี้มาได้ อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพของตน ที่อาจถูกยกให้เป็นถึงขั้นสุดยอดนักแข่งสปีดสเก็ตติ้งตลอดกาลคนหนึ่งได้เลย

“ปกติแล้วผมไม่อยากโทษใครหรอกนะ แต่รอบนี้ผมทำอะไรไม่ได้เลย ผมอยากวิ่งออกเลนนอก แต่โค้ชตะโกนมาว่า ‘เลนใน’ และผมคิดว่าเขาพูดถูกในตอนนั้น” คราเมอร์ กล่าว

“นี่คือบทเรียนราคาแพงอย่างยิ่งสำหรับผม”

และก็เปรียบเสมือนว่ารายการ 10,000 เมตร คืออาถรรพ์ในโอลิมปิกของเขา เพราะแม้เขาจะขึ้นมาคว้าเหรียญเงินที่โซชิ เมื่อปี 2014 ได้สำเร็จ แต่ก็ไม่สามารถคว้าเหรียญทองได้เลย โดยหล่นลงไปถึงอันดับ 6 ในปี 2018 และไม่ได้ลงแข่งในระยะทางดังกล่าวอีกในโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่ง

เคมเคอร์ส ยังคงได้ร่วมงานกับ คราเมอร์ ต่อในโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2014 พร้อมกับทำผลงาน 2 เหรียญทอง และ 1 เหรียญเงินกลับมา แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะสมานแผลในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ให้กลับมาดีเหมือนก่อนได้ ก่อนที่ คราเมอร์ จะแยกทางกับโค้ชของเขาหลังจบโอลิมปิกครั้งดังกล่าว

เมื่อพูดถึงเหตุการณ์อันแสนเจ็บปวดครั้งนั้น คราเมอร์ ระบุว่า “ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นความรับผิดชอบของผมนี่แหละ ในฐานะนักสเก็ตบนลานน้ำแข็ง ผมคือคนที่เลือกเส้นทางดังกล่าว”

ลองนึกภาพดูว่าหากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกิดขึ้น ชีวิตของ คราเมอร์ จะเปลี่ยนไปขนาดไหนกัน?

แต่สุดท้ายแล้ว เราก็คงทำได้เพียงแค่นึกเท่านั้น…

UFABETWIN