เป็นช่วงสัปดาห์ที่แฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปรับอารมณ์แทบไม่ทัน กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตลาดซื้อขายนักเตะ

จากห้วงอารมณ์หม่นหมอ งที่กำลังจะเห็นตำนานทีมย้ายไปสวมเสื้อสีฟ้า ของอริร่วมเมือง แต่โดนพลันทันใด เรื่องราวต่างๆ กลับตาลปัตรในเพียงไม่กี่ชั่วโมง

เมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา สาวกปิศาจแดงคงแทบไม่อยากตื่นมารับรู้ ความเป็นในตลาดนักเตะ เพราะในตอนนั้น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กำลังจะลงเอยย้ายไปเล่นที่ เอติฮัด สเตเดียม

แฟนบอลผีแดงหลายคนผิดหวัง หลายคนก่นด่า กองหน้าทีมชาติโปรตุเกส ที่หักหลังสโมสร หลายคนถึงขั้น ‘เผา’ ชุดแข่งหมายเลข 7 ของ โรนัลโด้ และหลายคนทำใจยอมรับกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

แต่ทันใดนั้น เรื่องราวที่ได้รับทราบมากลับกลายเป็น หนังคนละม้วนเมื่อทาง แมนฯ ซิตี้ ถอนตัวถอยฉากออกไป และกลายเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด จัดการดึง โรนัลโด้ กลับมาเล่นที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด

ทำให้วันศุกร์ที่ผ่านมา กลับกลายเป็นค่ำคืนที่แฟนบอลปิศาจแดง ทั่วโลกมีความสุข ไม่ต่างแฟนบอลทีมอื่นๆ ที่จับตามอง และติดตามการย้ายทีมหนนี้ อย่างใกล้ชิด และมันได้สร้างแรงกระเพื่อมเป็นวงกว้างทั้งใน และนอกสนาม

สิ่งที่สำคัญที่สุด อาจจะหนีไม่พ้นความคาดหวัง ที่จะเพิ่มเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะอย่าลืมว่าการย้ายทีมของ ‘ซีอาร์7’ จะมาพร้อมกับเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิม และแน่นอนว่าความคาดหวัง ในการพุ่งชนความสำเร็จช่วง จบฤดูกาลที่สูงขึ้นเป็นเท่าตัว

นอจากนั้นความปิติยินดีหนนี้ จะแปรเปลี่ยนเป็นแรงกดดันที่จะถาโถมไปยัง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แบบที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเช่นกัน และมันคงจะเป็นเรื่องยากในการหาข้อแก้ตัวมาอ้างหากว่า ไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ เพราะสโมสรได้ทำตามที่สัญญา ไว้ในการจัดหานักเตะระดับโลกมาเสริมทัพ ตามที่กุนซือนอร์เวย์ร้องขอมา

แค่การมาของ เจดอน ซานโช่ และ ราฟาแอล วาราน ก่อนหน้านี้ก็ทำให้ความคาดหวัง พร้อมแรงกดดันสูงกว่าที่ผ่านมา และมันจะทวีคูณเป็นเท่าตัว เมื่อทีมดึง โรนัลโด้ กลับมายัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด

แน่นอนว่ากุนซือหลายๆ คนคงอิจฉาการเสริมทัพของ โซลชา ในซัมเมอร์นี้อยู่ไม่น้อย แต่อีกมุมหนึ่งกุนซือชาวนอร์เวย์ ก็ต้องพิสูจน์ฝีมือของตนเองออกมาให้เห็นสักทีว่าเหมาะสมกับ การคุมทัพปิศาจแดงชุดนี้ ไม่ใช่ถูกตราหน้าเป็นเด็กใน คาถาของบอร์ดบริหาร ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ โอเล่ รอดพ้นจากข้อครหาและพิสูจน์ฝีมือตนเองให้เป็นที่ประจักษ์คือการพาทีมทำผลงานในสนาม และแน่นอนว่าเดินหน้าพุ่งหาความสำเร็จ ที่จับต้องได้ในบั้นปลายซีซั่น

สำหรับ โซลชา มันคือแรงกดดันที่ทับลงมาบ่นบ่า แม้ส่วนตัวของกุนซือรายนี้ จะพร้อมรับมือกับเรื่องที่รออยู่ตรงหน้า แต่ก็แทบจะปฏิเสธ ไม่ได้ว่าทุกๆ อย่างขึ้นอยู่กับผลงานในสนามเช่นเดียวกัน เพราะมันจะเป็นกำหนดความเป็นไปได้อย่างชัดเจน

นอกจากนั้นสิ่งที่น่าสนใจ ไม่แพ้การเสริมทีมหรือนักเตะหน้าใหม่ คือการนำทีมของ โซลชา ว่าจะสามารถพาปิศาจแดง ไปไกลเพียงใด เพราะนับจากนี้ทุกสายตาจะจับจ้องการทำงานของกุนซือวัย 48 ปีแบบไม่กระพริบ เรื่องราวความเป็นไปที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะผลงานในสนามจะถูก สื่อนำไปชำแหละและวิจารณ์อย่างละเอียด ซึ่งมันจะกลายเป็นเรื่องชวนหลอนหาก ทีมต้องทำผลงานน่าผิดหวัง เพราะอย่าลืมว่าสื่ออังกฤษถนัดเรื่องใส่สีตี ไข่และชอบเรื่องราวในแง่ลบมากกว่าแง่ดี

อย่างที่เรียนไปแล้วว่ามันคือ แรงกดดันที่เพิ่มเติมเข้ามา และจะเป็นบทพิสูจน์ของกุนซืออย่าง โซลชา ว่าจะนำทัพไปได้ไกลเพียงใด นอกจากนั้นยังเป็นบททดสอบ สำคัญของบรรดานักเตะด้วยว่าจะสามารถผลักดัน ทีมไปได้ไกลถึงจุดที่ตั้งใจไว้ได้หรือไม่

งานสำคัญของ โซลชา คงหนีไม่พ้นการหลอมหลวม นักเตะให้ผสมผสานกันอย่างลงตัว รีดศักยภาพ ของแต่ละคนออกมาให้ถึงขีดสุด และอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือการสร้างบรรยากาศของผู้ชนะ ให้เกิดขึ้นภายในทีม

นั่นคืออีกจุดสำคัญของ โซลชา ที่ต้องพยายามเปล่งออร่าของผู้นำ สร้างบรยากาศความกระหาย และกำหนดทิศทางนักเตะให้เดินหน้า พร้อมกับความมุ่งมั่นตั้งใจ ผสานเข้ากับผลงานในสนาม ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

สิ่งเหล่านี้เราจะเห็นตัวอย่างได้ชัดเจนภายใต้การทำงานของ อันโตนิโอ คอนเต้ หรือ โธมัส ทูเคิ่ล ที่เข้าไปเปลี่ยนทัศนคติลูกทีมให้กลายมาเป็นผู้เล่นที่กระหายอยากความสำเร็จ กลายมาเป็นนักเตะที่มีจิตวิญญาณแห่งผู้ชนะ โดยเฉพาะ คอนเต้ ที่เข้าไปเปลี่ยน อินเตอร์ มิลาน จากทีมที่มีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจซึ่งมักจะเป๋ออกทะเลได้ง่ายๆ หากเจอกับผลงานที่น่าผิดหวัง ให้กลายมาเป็นทีมที่เล่นในลีกได้อย่างคงเส้นคงวา หรือแม้แต่ ทูเคิ่ล ที่เข้าไปปรับจูน เชลซี จากทีมที่หลงทางกลางซีซั่นให้กลับมาผงาดเป็นเจ้ายุโรป

ถือเป็นงานชิ้นสำคัญที่ โซลชา ต้องแสดง ‘กึ๋น’ ออกมาให้ทุกคนได้เห็น ปรับปรุงปิศาจแดงจากทีม ที่ขาดความคงเส้นคงวา ให้เดินหน้าสร้างผลงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง เพราะการแข่งขันในซี่นนี้ ไม่ใช่ของง่ายเนื่องจากบรรดาคู่แข่งทีมอื่นๆ ก็มีผลงานและทีมที่ดีเช่นเดียวกัน

ถึงตรงนี้การมาของ โรนัลโด้ จะช่วยยกระดับ ปิศาจแดง ได้อย่างมาก และอย่างที่กล่าวไปแล้วว่าอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ทีมเดินหน้าไปได้อย่างที่ต้องการคือการทำงานหลังจากนี้ ของกุนซือและทีมงานผู้ฝึกสอน

การเดินทางที่แท้จริงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเริ่มต้นหลังจากโปรแกรมทีมชาติ มันคือช่วงที่ โซลชา จะสามารถใช้งานนักเตะชุดปัจจุบันและนักเตะหน้าใหม่ได้อย่างเต็มที่ (หากไม่เจ็บมาจากเกมทีมชาติ)

ถึงตรงนี้แฟนบอลปิศาจแดงต่างตั้ง ตารอคอยดูผลงาน แมนฯ ยูไนเต็ด เวอร์ชั่น 2021 ว่าจะเป็นไปเช่นไร จะเป็นไปตามที่คาดหวัง หรือไม่ และทีมนี้จะสามารถทำให้การรอคอยของ แฟนบอลสิ้นสุดลงได้หรือไม่ คำถามเหล่านี้คือสิ่ง ที่จะตอบได้ด้วยผลงานในสนาม

คลิกเลย >>> https://www.ufabetwins.com/
อ่านเพิ่มเติม >>> บ้านผลบอล