UFABETWINS  การปั้นดาวรุ่งขึ้นสู่การเป็นผู้เล่นตัวสำคัญของสโมสร อาจเป็นหนึ่งในเป้าหมายของเหล่าผู้จัดการทีม

ทางแยกของดาวรุ่ง : อยู่กับทีมสำรองหรือออกไปยืมตัวกับทีมอื่น แบบไหนดีกว่ากัน ?

เวลาเล่นเกมอย่าง Football Manager ที่ต้องคอยบริหารจัดการตัวนักเตะในทีมไปสู่ความสำเร็จต่าง ๆ

ทีนี้คุณอาจเคยเผชิญเข้ากับดาวรุ่งคนหนึ่ง ที่มีค่า Potential สูงมาก ๆ ซึ่งแน่นอนว่าสักวันเขาสามารถก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักในทีมได้เลย แค่ในตอนนี้เจ้าตัวยังไม่พร้อมสำหรับการมาอยู่กับทีมชุดใหญ่ได้อย่างเต็มตัว นั่นจึงตามมาด้วยตัวเลือกสำคัญที่ว่า…

ปล่อยให้เด็กคนนี้อยู่กับทีมเยาวชน อยู่ใกล้สายตา คอยเป็นเดอะแบกให้กับน้อง ๆ ชุดสำรอง หรือส่งให้เขาออกไปเฉิดฉายกับทีมในลีกระดับล่าง เพื่อเสริมกระดูกให้พร้อมขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ทางเลือกไหนจะเป็นผลดีต่อตัวของนักเตะมากกว่ากัน ?

 

กระดูกคนละเบอร์

หนึ่งในสิ่งที่ถูกนำมาพิจารณาเป็นอันดับแรก ๆ เมื่อพูดถึงความแตกต่างระหว่างลีกของทีมสำรองกับลีกระดับล่าง คือระดับความเข้มข้นของการแข่งขัน และประสบการณ์กับจังหวะฟุตบอลที่นักเตะรายนั้นจะได้รับกลับมา

จริงอยู่ที่ทีมสำรองจะทำให้ตัวผู้เล่นยังคงฝึกซ้อมอยู่กับสนามของสโมสร ซึ่งมีอุปกรณ์การฝึกซ้อมที่ล้ำสมัย (โดยเฉพาะทีมใหญ่) แต่หากนักเตะรายนั้นยังไม่ใช่ตัวเลือกลำดับต้น ๆ ของการลงสนามกับทีมชุดใหญ่ พวกเขาก็จำต้องใช้เวลาส่วนมากไปกับการเป็นตัวจริงในเกมลีกสำรอง ที่จะได้ไปเผชิญกับดาวเตะอายุไม่เกิน 23 ปี หรือตัวผู้เล่นอายุเกิน ที่ต้องมาเรียกความฟิตให้พร้อมกลับไปลงเล่นอีกครั้ง

ซึ่งระดับความเข้มข้นของเกมการแข่งขันหรือประสบการณ์ที่ได้รับกลับมาจากการลงเล่น เช่น เสียงเชียร์ เสียงโห่ สปีดบอล จังหวะถ่วงหรือเร่งเกม หรือแรงกดดันและความคาดหวังต่าง ๆ จากแฟนบอลข้างสนามนั้น ย่อมไม่สามารถเทียบกับการลงเล่นในลีกอาชีพจริง ๆ ได้อยู่แล้ว

 

นั่นจึงทำให้วิธีการยืมตัวกลายเป็นที่นิยมโดยบรรดาสโมสรขนาดใหญ่ ซึ่งมีจำนวนตัวผู้เล่นให้ใช้งานได้เพียงพอ จนไม่อาจให้โอกาสดาวรุ่งเหล่านี้ขึ้นมาเฉิดฉายได้โดยทันที โดยมักเป็นการปล่อยให้กับทีมที่พร้อมส่งนักเตะเหล่านี้ลงสนามได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ไปเก็บเวลาเล่นมาได้อย่างเต็มที

 

ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ของ ลิเวอร์พูล ถูกปล่อยตัวให้กับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ทีมในลีกระดับแชมเปียนชิพ ซึ่งอยู่รองลงไปจากพรีเมียร์ลีกแค่ 1 ขั้น ยืมตัวไปใช้หนึ่งฤดูกาลเต็ม ก่อนจะโชว์ฟอร์มลงเล่นไป 42 นัดในทุกรายการ ยิงได้ 7 ประตูกับอีก 11 แอสซิสต์ พร้อมกับมีชื่อเข้าชิงดาวรุ่งยอดเยี่ยมของลีก จนทำให้เจ้าตัวกลับมายึดตำแหน่งออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงของทีมได้ 3 นัดรวด ก่อนจะต้องแตะเบรกทุกอย่างไปจากอาการบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าของตน

หรือในกรณีของ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ มิดฟิลด์อนาคตไกลของ เชลซี ที่ถูกปล่อยให้กับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน อดีตสโมสรพรีเมียร์ลีก ยืมไปลงเล่นเป็นตัวจริงเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ก่อนจะได้โอกาสไปเฉิดฉายต่อกับทาง คริสตัล พาเลซ ที่เจ้าตัวยังคงเป็นตัวหลักของทีมอยู่จนถึงตอนนี้ พร้อมโอกาสได้กลับไปยึดตัวจริงของทัพสิงโตน้ำเงินครามในอนาคตอันใกล้อีกด้วย

 

 

แน่นอนว่าด้วยปัจจัยข้างต้น ก็คงไม่แปลกที่ดาวรุ่งหลายคนจะอยากย้ายไปร่วมทีมอื่นแบบยืมตัว

 

เพื่อทั้งเพิ่มกระดูกตนเอง และยังได้รับเวลาลงเล่น ประสบการณ์ กับความสำคัญจากสโมสรระดับรองลงมา พร้อมกับแทบการันตีโอกาสได้กลับมาเป็นตัวหลักกับต้นสังกัดในอนาคตได้อีกด้วย

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทีมสำรองของสโมสรใหญ่ ๆ ก็เป็นแค่ที่พักของเหล่าดาวรุ่งผู้ไม่มีที่ไป หรือว่ามีเหตุผลอื่นใดมาคอยสนับสนุนให้นักเตะเหล่านี้ยังคงศรัทธากับการอยู่กับทีมต่อได้ไหม ?

บนบ่าของยักษ์ใหญ่

มาร์คัส แรชฟอร์ด, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, บูกาโย่ ซาก้า, และ ดีแคลน ไรซ์ ต่างเป็นเหล่าดาวรุ่งผู้เติบโตขึ้นมาจากระดับเยาวชน พุ่งตรงมาสู่ทีมชุดใหญ่โดยไม่เคยได้ออกไปสัมผัสประสบการณ์จากทีมอื่นเลย

 

แน่นอนว่านักเตะแต่ละคนที่ได้รับโอกาสเหล่านี้ ย่อมมีจังหวะชีวิตที่ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างกรณีของ แรชฟอร์ด ที่ได้รับโอกาสลงเล่นหลังจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บกันยกใหญ่มากถึง 13 คน ก่อนที่เจ้าตัวจะคว้าโอกาสดังกล่าวไว้ และสามารถยึดตัวจริงของทีมมาได้อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

เช่นกันกับฝั่งของ เทรนท์ ผู้ก้าวขึ้นมาแทนที่ของ นาธาเนียล ไคลน์ แบ็คขวาตัวจริงของทีม ซึ่งประสบอาการบาดเจ็บระยะยาว หรือในกรณีของ ซาก้า ที่ได้โอกาสจากปัญหาแบ็กซ้ายตัวจริงเจ็บพร้อมกัน ก่อนจะขึ้นมาเล่นในตำแหน่งตัวรุกของทีมเช่นทุกวันนี้ และรายของ ไรซ์ ผู้โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจในทีมสำรอง จนถูกเรียกตัวขึ้นมาเป็นขุมกำลังหลักของชุดใหญ่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

นักเตะเหล่านี้ทราบดีถึงวิธีการเล่นของสโมสรของตนเอง จากการได้ฝึกซ้อมรูปแบบการเล่น พัฒนาร่างกาย และเติบโตขึ้นมาในแบบแม่พิมพ์ที่ทีมต้องการอยู่แล้ว จึงไม่ยากเลยที่เมื่อมีโอกาสเข้ามา พวกเขาจะสามารถก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว

ปัจจุบันสโมสรระดับพรีเมียร์ลีกก็ยังมีดาวรุ่งที่กำลังต่อแถวรอโอกาสขึ้นยึดตัวจริงอยู่อีกพอสมควร เช่น เคอร์ติส โจนส์ กับ เนโก วิลเลี่ยมส์ ของ ลิเวอร์พูล, แอนโธนี่ อีแลงก้า กับ ฮานนิบาล เมจบรี้ย์ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, โคล พัลเมอร์ กับ โรเมโอ ลาเวีย แห่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นต้น

คลิกเลย >>> https://www.ufabetwins.com/
อ่านเพิ่มเติม >>> บ้านผลบอล