หลายคนมารู้จักชื่อของคู่แฝด “โชแปง-ปาแปง” มากขึ้น ในรายการยู 23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 รอบสุดท้าย หลังโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ ในสีเสื้อช้างศีก

ขณะกับสโมสรอย่าง โปลิศ เทโรฯ ทั้ง ทิตาธร-ทิตาวีร์ ก็เป็นกำลังหลักช่วยทีมตลอด 4 เกมแรกซีซั่นที่เพิ่งจบไป

จนมาถูกโควิด-19 เบรกเข้าอย่างจัง

อย่างไรก็ตามช่วงที่ฟุตบอลลีกถูกสกัดให้หยุด ชื่อของแฝดทั้งสอง ยังคงเนื้อหอม ในตลาดลูกหนัง ก่อนท้ายสุดจะเป็น “มาดามแป้ง” ที่กวักมือเรียกทั้งสอง มาโซ้ยก๋วยเตี๋ยวเนื้อกันที่คลองเตย

กราฟชีวิต “โชแปง-ปาแปง” เหมือนจะพุ่งสูงขึ้น ทั้งเรื่องต่อยอดโอกาส การลงเล่นให้สโมสรใหญ่อย่าง การท่าเรือ ที่มากด้วยคุณภาพ ผู้เล่น เพื่อพัฒนาฝีเท้า ต่อยอดประสบการณ์ สู่ทีมชาติชุดใหญ่

หากแต่สิ่งที่ กลายเป็นอุปสรรค สำหรับทีมใหญ่คือ “การแข่งขัน” ที่เข้มข้นกว่าบ้านหลังเก่าย่านวิภาวดีเช่นกัน

สิ่งที่ทั้งสองคน พบคือการตกเป็น “ตัวสำรอง” ประกอบกับขนาดทีมของ “สิงห์เจ้าท่า” ที่เต็มไปด้วยนักเตะ ระดับทีมชาติ-แข้งมากประสบการณ์ มันไม่ง่าย ที่ทั้งสองจะเอาชนะใจโค้ช และเบียดลงสนาม ในฐานะตัวจริง

เมื่อ(แทบ)ไม่ได้ลงสนาม ชื่อของแฝดทั้งสอง ที่ดังเปรี้ยง มาหลังจบทัวร์นาเมนต์ ยู-23 ก็ค่อย ๆ เลือนหาย จากสารบบแฟนบอล เช่นเดียวกับประตูทีมชาติชุดใหญ่ ไม่มีที่ว่างสำหรับพวกเขา อีกต่อไป เพราะไม่มีเวทีโชว์ฝีตีน ให้เห็น

สถิติที่น่าตกใจคือ หลังจากออกจากเทโรฯ ช่วงต้นฤดูกาล ทั้งสองแทบไม่ได้สัมผัสเกม ในสนามอย่างเป็นทางการเลย

โชแปง ทิตาธร ได้โอกาสลงสนามไปเพียง 1 เกมเท่านั้น นั่นคือเกมนัดสุดท้ายของซีซั่นที่ การท่าเรือ เสมอ นครราชสีมา 2-2 ที่เหลืออย่าว่าแต่โอกาสลงเล่น เพราะมีถึง 16 เกม หรือมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ ที่เขาไม่มีแม้แต่รายชื่อบนม้านั่งสำรอง

แม้ตำแหน่ง “แบ็กซ้าย” เจ้าของสัมปทานคือ เควิน ดีรมรัมย์ ที่ได้รับบาดเจ็บ หายจากทีมไปพักใหญ่ ทว่าเจ้าตัวก็ยังตกเป็นตัวเลือก รองจาก มาร์ติน สตูเบิล แข้งโควตาอาเซียน และ จตุรพัช สัทธรรม อยู่ดี

กลายเป็นตัวเลือกลำดับ 3-4 ในตำแหน่งแบ็กซ้ายไป

ขณะที่ ปาแปง-ทิตาวีร์ แฝดคนน้อง ชีวิตลูกหนังคล้ายจะสดใส ด้วยสกิลที่สามารถเล่นได้ทั้งแบ็กขวา และเซ็นเตอร์ ทำให้เขาได้รับโอกาสลงสนาม 3 นัดแรกกับสิงห์เจ้าท่า ในบทบาทปราการหลังตัวกลาง แต่ก็เท่านั้น เพราะที่เหลือเขาพบตัวเองอยู่ข้างสนามส่วนใหญ่ และมีถึง 15 เกม ที่ไม่มีแม้แต่รายชื่อบนม้านั่งสำรอง มาได้เล่นอีกทีพร้อมหน้ากับแฝดพี่ก็เกมสุดท้ายของซีซั่น ที่ไม่มีผลอะไรแล้ว

การแย่งตัวจริงในตำแหน่งแบ็กขวาจากรุ่นพี่ นิติพงษ์ เสลานนท์ ที่ฟอร์มเสมอต้นเสมอปลาย ลงเล่น 90 นาทีเต้ม 30 เกม เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว แต่ที่ยากกว่าคือล่าสุดที่สโมสรเซ็นสัญญากับ ฟิลิป โรลเลอร์ มาเพิ่มอีก

ขณะที่ในบทบาทเซ็นเตอร์เขาต้องแย่งตัวจริงกับทั้ง วรวุฒิ นามเวช, เอเลียส ดอเลาะ, ธนบูรณ์ เกษารัตน์ รวมถึง อดิศร พรหมรักษ์ แม้ปีฤดูกาลที่เพิ่งจบไปรายหลังสุดได้รับบาดเจ็บ โอกาสก็ยังไม่มาถึงเขา

เป็นฤดูกาลที่จบลงแบบเหงา ๆ ของทั้งคู่ ในแง่โอกาสลงสนาม

จากฝาแฝด ที่แจ้งเกิดผลงานในนาม ทีมชาติชุด ยู-23 ได้รับความเชื่อมั่นจาก อากิระ นิชิโนะ ผลงานในสนาม ไปได้สวยกับ โปลิศ เทโรฯ มีข่าวกับทีมจากเจลีก ก่อนจะหายจากสนาม ไปอย่างเงียบ ๆ ในฤดูกาลนี้

ย้อนกลับไปช่วงศึกชิงแชมป์เอเชีย ยู-23 ที่ชื่อของ “โชแปง-ปาแปง” กำลังป๊อปในหมู่แฟนบอล ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้จัก เด็กหนุ่มชื่อ ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ เลยด้วยซ้ำ

ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน “เจ้านาย” ในวัยที่เพิ่งอายุแตะ 19 ไปเพียงไม่กี่วัน พบตัวเองเป็นหนึ่งในขุนพลทีมชาติ ชุดใหญ่บินไป ยูเออีเรียบร้อยแล้ว

นั่นเพราะเขามี “เวทีลูกหนัง” ให้ได้ลงเล่น โชว์ผลงาน จน นิชิโนะ เห็นฟอร์ม

ทำให้สิ่งสำคัญที่สุดของ “โชแปง-ปาแปง” เวลานี้คือหาเกมลงเล่นให้ได้ ยิ่งขวบวัยอย่าง พวกเขาทั้งสอง ที่อยู่ในช่วงรอยต่อ การพัฒนาฝีเท้า

ไม่ได้ยุยงให้ย้ายทีม แต่ควรมีเกมให้ลงเล่น จะไปในรูปแบบยืมตัวยังไงก็ว่ากันไป

คลิกเลย >>> UFABETWINS
อ่านเพิ่มเติม >>> บ้านผลบอล