UFABETWINS การเปิดตัวด้วยผลงานน่าประทับใจ ภายใต้สีเสื้อใหม่ของ หลุยส์ ซัวเรส แสดงเห็นถึงความสำเร็จของนักเตะอุรุกวัย กับ แอตเลติโก มาดริด

ทีมฟุตบอลชื่อดังจากสเปน ที่ต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 10 ปี ชื่อของ ดิเอโก ฟอร์ลัน, ดิเอโก โกดิน และ โฆเซ กิเมเนซ คือ ตัวอย่างนักเตะอุรุกวัยที่ประสบความสำเร็จกับทัพตราหมี พวกเขาเหล่านี้คือกำลังหลัก เปลี่ยนทีมฟุตบอลกลางตาราง สู่แชมป์ลาลีกา ด้วยงบประมาณที่เป็นรองยักษ์ใหญ่ร่วมลีก Main Stand หาคำตอบว่าเหตุใด นักเตะอุรุกวัย จึงกลายเป็นกำลังสำคัญของ แอตเลติโก มาดริด ในยุคปัจจุบัน ผ่านความคล้ายคลึงทางแทคติก และการคัดเลือกนักเตะอย่าง

ชาญฉลาด ของสโมสรแห่งนี้ อุรุกวัย ใน แอตเลติโก แอตเลติโก มาดริด เริ่มใช้งานนักเตะอุรุกวัย ตั้งแต่ปี 1954 เมื่อทัพตราหมีดึงตัว ราฟาเอล ซูโต (Rafael Souto) กองหน้าจาก คลับ นาซิอองนัล เข้ามาสู่ทีม นับแต่นั้น แอตเลติโก มาดริด คว้านักเตะอุรุกวัยเข้าทีมแบบประปราย ได้แก่ ฮอร์เก ดา ซิลวา ในปี 1985, มาร์เซโล ซาราเลกี ในปี 1991 และ เฟร์นานโด คอร์เรอา ในปี 1995 นักเตะอุรุกวัยเป็นที่นิยมของ แอตเลติโก มาดริด อย่างแท้จริง ในช่วงยุค 2000s ด้วยการ

คว้าตัว ดิเอโก อลอนโซ กองหน้าฝีมือดีจาก บาเลนเซีย เข้ามาร่วมทีมในฤดูกาล 2001-02 ในสัญญายืมตัว เพื่อสู้ศึกเซกุนดา ดิวิชั่น ลีกรองของประเทศสเปน ดิเอโก อลอนโซ ระเบิดฟอร์มภายใต้สีเสื้อแดง-ขาว ยิง 22 ประตู ครองถ้วยปิชิชี ในฐานะดาวซัลโวเซกุนดา ดิวิชั่น ขณะที่คู่หูร่วมชาติอย่าง เฟร์นานโด คอร์เรอา ซัดอีก 13 ประตู ทั้งสองช่วยให้ แอตเลติโก มาดริด คว้าอันดับหนึ่งของตาราง เลื่อนชั้นสู่ลาลีกา รูเบน โอลิเวรา, กอนซาเลซ เด ลอส ซานโตส,

มาร์เซโล โซซา และ ริชาร์ด นูเนซ คือรายชื่อผู้เล่นชาวอุรุกวัยที่หลั่งไหลเข้าสู่แอตเลติโก มาดริด ช่วงปี 2003-2005 แต่ไม่มีใครประสบความสำเร็จเท่ากับ ดิเอโก อลอนโซ กระทั่งการเข้ามาของนักเตะชื่อว่า ดิเอโก ฟอร์ลัน อดีตกองหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เดินทางหนีความผิดหวังใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ด้วยการย้ายมาเล่นกับ บียาร์เรอัล ในปี 2004 ก่อนคว้าตำแหน่งดาวซัลโวฤดูกาล 2004-05 ด้วยการยิง 25 ประตูในลาลีกา และครองตำแหน่งรองเท้าทองคำยุโรป

ร่วมกับ เธียร์รี อองรี ผลงานดังกล่าวโดดเด่นมากพอให้ แอตเลติโก มาดริด ทุ่มเงิน 21 ล้านยูโร เพื่อคว้า ดิเอโก ฟอร์ลัน เข้ามาร่วมทีม ด้วยค่าตัว 21 ล้านยูโร ในปี 2007 เจ้าของฉายา “Cachavacha” ตอบแทนเม็ดเงินที่จ่ายไปอย่างคุ้มค่า จากผลงาน 32 ประตู ใน 33 นัด คว้ารางวัลดาวซัลโวลาลีกา และยุโรป ในฤดูกาล 2008-09 ก่อนพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก ในฤดูกาล 2009-10 ดิเอโก ฟอร์ลัน เล่นให้กับแอตเลติโก มาดริด 4 ฤดูกาล ทำผลงานยิง 96 ประตู

UFABETWINS

จาก 198 เกม ก่อนอำลาทีมไปในปี 2011 หลังจากนั้น ไม่มีกองหน้าชาวอุรุกวัยคนใด ย้ายมาเป็นส่วนหนึ่งของทัพตราหมีอีกเลย กระทั่ง หลุยส์ ซัวเรส อดีตดาวยิง ลิเวอร์พูล และ บาร์เซโลนา ในฤดูกาล 2020-21 ที่สร้างผลงานยิง 2 จ่าย 1 ตั้งแต่เกมแรกที่ลงสนามในสีเสื้อใหม่ อีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ช่วยให้ แอตเลติโก มาดริด คว้าแชมป์ลาลีกา และเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2013-14 รวมถึงเข้าชิงถ้วยหูใหญ่อีกครั้งในฤดูกาล 2015-16 ก่อนคว้าแชมป์

ยูโรปา ลีก ในฤดูกาล 2017-18 คือสองเซ็นเตอร์แบ็ค อย่าง ดิเอโก โกดิน และ โฆเซ กิเมเนซ ที่เริ่มจับคู่กันตั้งแต่ปี 2013 จนกลายเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ของทีม โกดิน ค้าแข้งกับทีมตั้งแต่ปี 2010 และก้าวขึ้นมาคว้าตำแหน่งกัปตันทีมในภายหลัง โดยในตอนที่โบกมือลาสโมสรในปี 2019 ดิเอโก โกดิน สร้างสถิติเป็นนักเตะต่างชาติที่รับใช้ แอตเลติโก มาดริด มากที่สุด ด้วยจำนวน 389 นัด นับแต่ปี 2007 ที่ แอตเลติโก มาดริด ซื้อ ดิเอโก ฟอร์ลัน เป็นเวลา 14 ฤดูกาล

ติดต่อกัน ที่ทัพตราหมีต้องมีนักเตะอุรุกวัยอยู่ในทีมอย่างน้อย 1 ราย โดยปัจจุบันพวกเขามีนักเตะอุรุกวัยทั้งหมด 2 คน คือ โฆเซ กิเมเนซ และ หลุยส์ ซัวเรส เกมรับของนักสู้ เหตุผลหลักที่ทำให้นักเตะจากอุรุกวัย ประสบความสำเร็จที่ แอตเลติโก มาดริด คือสไตล์การเล่นฟุตบอลที่คล้ายคลึงกันของทั้ง 2 ฝ่าย จนอาจเรียกได้ว่า เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ทีมชาติอุรุกวัย มีรูปแบบการเล่นที่แตกต่างออกไปจากชาติอเมริกาใต้ เช่น บราซิล หรือ อาร์เจนตินา แทนจะใช้เทคนิค และ

ความสามารถเฉพาะตัว ฟุตบอลอุรุกวัยสร้างแทคติกจากปรัชญา “Garra Charrúa” คือจิตวิญญาณนักสู้อันดุร้าย อัตลักษณ์ความเป็นชาติที่อยู่ในใจชาวอุรุกวัย 3.5 ล้านคน “ผมมีคาแรกเตอร์ของชาวอุรุกวัยในตัว โดยเฉพาะแนวทางการเล่นฟุตบอล พวกเขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อทีม ไม่เคยยอมแพ้ และช่วยเหลือกันและกัน” อองตวน กรีซมันน์ อดีตนักเตะ แอตเลติโก มาดริด กล่าวถึงคาแรกเตอร์ของนักเตะอุรุกวัย ด้วยเหตุนี้ ฟุตบอลอุรุกวัยจึงมีสไตล์ โหด ดิบ เถื่อน เน้นการใช้

พละกำลัง และการเข้าปะทะที่รุนแรง นำมาสู่เกมรับอันเหนี่ยวแน่น รวมถึงเกมสวนกลับที่ฉับไว เห็นได้ชัดจากการเล่นของสองคู่หู โกดิน-กิเมเนซ ซึ่งไม่ใช่กองหลังที่จ่ายบอลดีมากนัก แต่เรื่องความแข็งแกร่ง พวกเขายืนหนึ่งแบบไม่มีใครเทียบ ผลงานในศึกฟุตบอลโลก 2018 คือเครื่องยืนยันความสำเร็จแนวทางฟุตบอลเกมรับของอุรุกวัย พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย จากการยิง 7 ประตู ตลอดทัวร์นาเมนต์ และครองบอลเพียง 47.7 เปอร์เซ็นต์ แต่สามารถแทคเกิล

คู่แข่งเฉลี่ย 18 ครั้งต่อเกม และตัดบอลเฉลี่ย 15.8 ครั้งต่อเกม มองให้ลึกลงไป จำนวน 4 จาก 7 ประตูที่อุรุกวัยทำได้ในฟุตบอลโลก 2018 มาจากการเข้าทำด้วยลูกตั้งเตะ มีเพียง 2 ลูกเท่านั้น ที่มาจากโอเพนเพลย์ สวนทางเพื่อนร่วมทวีปอย่าง บราซิล และอาร์เจนตินา ที่ทำประตูจากโอเพนเพลย์ 6 และ 5 ลูก ตามลำดับ หันมาฝั่งของ แอตเลติโก มาดริด ฟุตบอลของทัพตราหมีที่วางรากฐานโดย ดิเอโก ซิมิโอเน กุนซือชาวอาร์เจนตินา มีรูปแบบการเล่นที่คล้ายคลึงกับอุรุกวัย

คือให้ความสำคัญกับพละกำลัง, เกมรับ และบอลสวนกลับ เห็นชัดจากความสำเร็จ ฤดูกาล 2013-14 ที่แอตเลติโก มาดริด คว้าแชมป์ลีก ทัพตราหมีครองบอล 49.1 เปอร์เซ็นต์ และยิงประตูรวม 77 เป็นตัวเลขที่น้อยกว่า บาร์เซโลนา หรือ เรอัล มาดริด แต่ใช้ทีเด็ดจากเกมรับที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีก 26 ประตู และการโจมตีจากลูกตั้งเตะ 18 ประตู ก็เพียงพอทำให้แอตเลติโก มาดริด คว้าแชมป์ลีกมาครอง เมื่อนำสถิติที่ปรากฎ บวกกับข้อมูลในเกม Football Manger 2020

ระบุสไตล์การเล่นของ ออสการ์ ตาบาเรซ เฮดโค้ชวัย 73 ปี ของทีมชาติอุรุกวัย และ ดิเอโก ซิมิโอเน ที่เหมือนกันว่า เล่นบอลสวนกลับ, พึ่งพาลูกตั้งเตะ, เล่นเกมรับเพื่อรักษาสกอร์นำ แถมทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช่ทีมฟุตบอลที่เปลี่ยนโค้ชบ่อยครั้ง ตาบาเรซทำงานกับทีมชาติอุรุกวัย ตั้งแต่ปี 2006 เช่นเดียวกับซิมิโอเน ที่ใกล้คุมทัพตราหมีครบ 10 ปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักเตะทีมชาติอุรุกวัย จะประสบความสำเร็จกับ แอตเลติโก มาดริด มากกว่าทีมอื่น เนื่องจากคุ้นชินกับสไตล์ฟุตบอล

UFABETWINS

เกมรับ เน้นสวนกลับ ที่ฝังรากลึกของทั้งสองทีม ของดีราคาถูก อีกหนึ่งเหตุผลที่นักเตะจากอุรุกวัย กลายเป็นกำลังหลักแอตเลติโก มาดริด ยาวนานนับกว่าสิบปี คือแนวทางการคว้าตัวผู้เล่นราคาถูก แต่คุณภาพดี มาร่วมทัพ หากเทียบราคาผู้เล่นอุรุกวัย กับ บราซิล และอาร์เจนตินา จะพบว่านักเตะจาก 2 ชาติหลังมีค่าตัวสูงกว่ามาก เนื่องจาก ลีกฟุตบอลของบราซิล และอาร์เจนตินา ประสบความสำเร็จในระดับทวีปบ่อยครั้ง เปิดทางให้ผู้เล่นดาวรุ่งโชว์ผลงานตั้งแต่เด็ก

ทำให้ค่าตัวพุ่งสูงขึ้นแม้อายุยังน้อย สวนทางกัน นักเตะอุรุกวัยมักย้ายสู่ทีมขนาดเล็กในยุโรป เพื่อหาโอกาสลงเล่น ด้วยค่าตัวที่ไม่สูงมากแต่แรก จึงไม่ใช่เรื่องยากหากสโมสรที่มีงบจำกัด เช่น แอตเลติโก มาดริด จะคว้านักเตะฝีมือดีในราคาที่รับได้ นักเตะชุดแชมป์ลาลีกา ไล่ตั้งแต่ ดิเอโก โกดิน ย้ายจาก บียาร์เรอัล ด้วยราคา 8 ล้านยูโร, โฆเซ กิเมเนซ ย้ายจาก ดานูบิโอ ด้วยราคา 8 แสนยูโร และ คริสเตียน โรดริเกวซ เซ็นฟรีหลังหมดสัญญากับ ปอร์โต ส่วน เอมิเลียโน

เวลาสเกซ เซ็นเตอร์แบ็คที่เซ็นสัญญาหลังคว้าแชมป์ลีก แม้ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก แอตเลติโก มาดริด ยังคว้าตัวด้วยราคาเพียง 1.1 ล้านยูโร ตำแหน่งที่ยืนยันความสำเร็จในการเซ็นสัญญาผู้เล่นอุรุกวัยมากที่สุด คือ กองหน้า พวกเขาคว้า ดิเอโก อลอนโซ ด้วยการยืมตัวจาก บาเลนเซีย ต่อด้วย ดิเอโก ฟอร์ลัน ด้วยราคาถูกกว่ากองหน้าดาวรุ่งชาวอาร์เจนไตน์ในขณะนั้นอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร และล่าสุดคือ หลุยส์ ซัวเรส แบบไม่มีค่าตัว

(แต่มีออปชั่นค่าตัวตามความสำเร็จในอนาคต) จาก บาร์เซโลน่า ทั้ง 3 คือนักเตะมีความสามารถ ที่ถูกมองข้ามจากทีมใหญ่ แอตเลติโก มาดริด จึงผายมือต้อนรับ นำกองหน้าเหล่านี้เข้ามาเป็นกำลังหลักในเกมรุก เนื่องจากไม่มีเม็ดเงินมากพอซื้อกองหน้าจากชาติมหาอำนาจในโลกฟุตบอล ความฉลาดในการเลือกนักเตะราคาถูก บวกกับแนวทางการเล่นที่ไม่แตกต่าง ส่งผลให้นักเตะอุรุกวัย ที่หลายคนมองว่าไร้เทคนิค มีแต่พละกำลัง และแฝงด้วยความป่าเถื่อน

สามารถประสบความสำเร็จกับ แอตเลติโก มาดริด และกลายเป็นกำลังหลักของสโมสร ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน หลุยส์ ซัวเรส คงไม่ใช่ผู้เล่นอุรุกวัยคนสุดท้ายของสโมสรแห่งนี้ เวลาจะบอกกับแฟนบอลทั่วโลกว่า นักเตะอุรุกวัยคนต่อไป ที่ก้าวเข้ามาประสบความสำเร็จกับ แอตเลติโก มาดริด คือใคร ? อดใจรอสักหน่อย เราคงได้รู้คำตอบนั้นพร้อมกัน

 

คลิ๊กเลย >>> UFABETWINS

อ่านข่าวเพิ่ม >>> บ้านผลบอล